สำรวจโลก Social Commerce เรียนรู้กลยุทธ์สำคัญ วิธีใช้แพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อเพิ่มยอดขายทั่วโลก คู่มือนี้ครอบคลุมแพลตฟอร์ม แนวโน้ม และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด
การทำความเข้าใจกลยุทธ์ Social Commerce เพื่อความสำเร็จระดับโลก
Social commerce เป็นมากกว่าแค่การขายสินค้าบนโซเชียลมีเดีย แต่เป็นแนวทางแบบองค์รวมที่ผนวกประสบการณ์การช้อปปิ้งทั้งหมดเข้าไว้ในแพลตฟอร์มโซเชียล ตั้งแต่การค้นพบสินค้าไปจนถึงการซื้อ Social commerce ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ราบรื่น ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายกว่าที่เคย คู่มือนี้จะเจาะลึกถึงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ Social commerce โดยเน้นมุมมองระดับโลกเพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดและลูกค้าใหม่ ๆ ทั่วโลก
Social Commerce คืออะไร?
Social commerce หมายถึง การขายผลิตภัณฑ์และบริการโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งแตกต่างจากอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมที่ลูกค้าต้องถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์แยกต่างหากเพื่อทำการซื้อ Social commerce ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นพบ เลือกดู และซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องออกจากเครือข่ายโซเชียลที่พวกเขาชื่นชอบเลย สิ่งนี้สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวกสบาย ซึ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนยอดขาย
คุณสมบัติสำคัญของ Social commerce ได้แก่:
- การซื้อในแอป: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้โดยตรงภายในแอปโซเชียลมีเดีย
- หน้าร้านโซเชียล: ร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะที่โฮสต์อยู่ภายในแพลตฟอร์มโซเชียล
- การแท็กสินค้า: ช่วยให้ธุรกิจสามารถแท็กสินค้าในโพสต์และเรื่องราว ทำให้ค้นพบและซื้อได้ง่าย
- การตลาดอินฟลูเอนเซอร์: การใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมทสินค้าและขับเคลื่อนยอดขายผ่านช่องทางโซเชียลของพวกเขา
- รีวิวและการให้คะแนนจากลูกค้า: ให้หลักฐานทางสังคมและสร้างความน่าเชื่อถือในหมู่ผู้ซื้อที่มีศักยภาพ
- คำแนะนำส่วนบุคคล: ใช้ข้อมูลและอัลกอริทึมเพื่อแนะนำสินค้าที่สอดคล้องกับความสนใจและความชอบของผู้ใช้
การเติบโตทั่วโลกของ Social Commerce
Social commerce กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยได้รับแรงหนุนจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียและความต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชียและละตินอเมริกา กำลังเห็นการนำ Social commerce มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอัตราการเข้าถึงมือถือที่สูงและความชอบในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างมาก
ตัวอย่างการเติบโตของ Social Commerce ในภูมิภาคต่างๆ:
- จีน: จีนเป็นผู้นำด้าน Social commerce โดยมีแพลตฟอร์มอย่าง WeChat และ Douyin (TikTok ในเวอร์ชันจีน) ครองตลาด อีคอมเมิร์ซแบบไลฟ์สตรีมมิ่ง ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์สาธิตและขายสินค้าแบบเรียลไทม์ เป็นที่นิยมเป็นพิเศษ
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: Social commerce กำลังเฟื่องฟูในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ Lazada ที่ผนวกคุณสมบัติโซเชียลและอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าในแอป
- ละตินอเมริกา: ประเทศอย่างบราซิลและเม็กซิโกกำลังประสบกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Social commerce โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียในการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
- ยุโรป: แม้ว่า Social commerce ในยุโรปจะยังไม่เติบโตเท่าในเอเชีย แต่ก็กำลังได้รับความนิยม โดยมีแพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ Facebook ที่นำเสนอคุณสมบัติการช้อปปิ้งทางสังคมมากขึ้น
- อเมริกาเหนือ: อเมริกาเหนือก็มีการนำ Social commerce มาใช้เพิ่มขึ้น โดยผู้ค้าปลีกและแบรนด์รายใหญ่ลงทุนในกลยุทธ์การช้อปปิ้งทางสังคม
แพลตฟอร์ม Social Commerce ที่สำคัญ
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่งได้กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิทัศน์ของ Social commerce แต่ละแพลตฟอร์มนำเสนอคุณสมบัติและโอกาสที่ไม่เหมือนใครสำหรับธุรกิจในการเชื่อมต่อกับลูกค้าและขับเคลื่อนยอดขาย
1. Facebook
Facebook เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก โดยมีผู้ใช้งานหลายพันล้านคน คุณสมบัติ Social commerce ของ Facebook ได้แก่:
- Facebook Shops: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างหน้าร้านค้าออนไลน์ได้โดยตรงบน Facebook
- Marketplace: แพลตฟอร์มสำหรับซื้อและขายสินค้าใหม่และสินค้ามือสองในท้องถิ่น
- การแท็กสินค้า: ช่วยให้ธุรกิจสามารถแท็กสินค้าในโพสต์และเรื่องราว
- Facebook Ads: ให้ตัวเลือกการโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายเพื่อเข้าถึงกลุ่มประชากรและความสนใจเฉพาะ
ตัวอย่าง: แบรนด์เสื้อผ้าสร้าง Facebook Shop เพื่อจัดแสดงคอลเลกชันล่าสุด ลูกค้าสามารถเลือกดูสินค้า เพิ่มลงในรถเข็น และทำการซื้อให้เสร็จสิ้นโดยไม่ต้องออกจาก Facebook
2. Instagram
Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยภาพ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่ผู้ชมอายุน้อย คุณสมบัติ Social commerce ของ Instagram ได้แก่:
- Instagram Shopping: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโพสต์และเรื่องราวที่ช้อปปิ้งได้
- สติกเกอร์สินค้า: ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มสติกเกอร์สินค้าในเรื่องราวของพวกเขา
- แท็บ Instagram Shop: แท็บเฉพาะสำหรับค้นพบและเลือกดูสินค้า
- Checkout on Instagram: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการซื้อให้เสร็จสิ้นได้โดยตรงภายในแอป Instagram
ตัวอย่าง: แบรนด์ความงามร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อสร้างโพสต์สปอนเซอร์ที่มีสินค้าของพวกเขา ลูกค้าสามารถคลิกที่แท็กสินค้าเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและทำการซื้อได้
3. Pinterest
Pinterest เป็นแพลตฟอร์มค้นพบภาพที่ผู้ใช้สามารถค้นหาแรงบันดาลใจและแนวคิด คุณสมบัติ Social commerce ของ Pinterest ได้แก่:
- Shoppable pins: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างพินที่ลิงก์โดยตรงไปยังหน้าสินค้าได้
- แคตตาล็อกสินค้า: ช่วยให้ธุรกิจสามารถอัปโหลดและจัดการสินค้าคงคลังของตนบน Pinterest
- แท็บ Shop: แท็บเฉพาะสำหรับค้นพบและเลือกดูสินค้า
ตัวอย่าง: บริษัทตกแต่งบ้านสร้าง Shoppable pins ที่จัดแสดงเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับของพวกเขา ลูกค้าสามารถคลิกที่พินเพื่อเยี่ยมชมหน้าสินค้าและทำการซื้อได้
4. TikTok
TikTok เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมในหมู่ Gen Z และ Millennials คุณสมบัติ Social commerce ของ TikTok ได้แก่:
- โฆษณาช้อปปิ้งในฟีด: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโฆษณาวิดีโอที่มีข้อมูลสินค้าและลิงก์สำหรับซื้อ
- TikTok Shopping: ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตนเข้ากับ TikTok ทำให้ผู้ใช้สามารถช้อปปิ้งได้โดยตรงจากโปรไฟล์ของพวกเขา
- Live shopping: ช่วยให้ผู้สร้างสามารถขายสินค้าโดยตรงให้กับผู้ชมระหว่างการถ่ายทอดสด
ตัวอย่าง: แบรนด์แฟชั่นสร้างชุดวิดีโอ TikTok ที่น่าสนใจซึ่งจัดแสดงเสื้อผ้าของพวกเขา ลูกค้าสามารถคลิกที่ไอคอนถุงช้อปปิ้งเพื่อดูสินค้าที่แสดงในวิดีโอและทำการซื้อได้
5. WeChat
WeChat เป็นแอปส่งข้อความอเนกประสงค์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศจีน คุณสมบัติ Social commerce ของ WeChat ได้แก่:
- Mini Programs: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแอปน้ำหนักเบาภายใน WeChat โดยนำเสนอบริการที่หลากหลายรวมถึงอีคอมเมิร์ซ
- WeChat Pay: ระบบชำระเงินผ่านมือถือที่รวมอยู่ใน WeChat
- Official Accounts: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับผู้ติดตามและโปรโมทสินค้าของพวกเขา
ตัวอย่าง: ร้านอาหารสร้าง WeChat Mini Program ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกดูเมนู สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ได้ ลูกค้ายังสามารถรับโปรโมชั่นและส่วนลดผ่าน Official Account ของร้านอาหารได้อีกด้วย
การพัฒนากลยุทธ์ Social Commerce ระดับโลก
เพื่อให้ประสบความสำเร็จใน Social commerce ในระดับโลก ธุรกิจจำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ที่ครอบคลุมซึ่งพิจารณาถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาดและแพลตฟอร์ม นี่คือขั้นตอนสำคัญบางประการที่ควรพิจารณา:
1. การวิจัยตลาดและการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
ทำการวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจภูมิทัศน์ของโซเชียลมีเดีย พฤติกรรมผู้บริโภค และความแตกต่างทางวัฒนธรรมของแต่ละตลาดเป้าหมาย ระบุแพลตฟอร์มโซเชียลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด วิธีการชำระเงินที่ต้องการ และประเภทสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง: บริษัทที่วางแผนจะเปิดตัวแคมเปญ Social commerce ในญี่ปุ่นควรวิจัยความนิยมของแพลตฟอร์มเช่น LINE และความชอบทางวัฒนธรรมสำหรับสินค้าและโปรโมชั่นบางประเภท
2. การเลือกและเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์ม
เลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ ปรับปรุงโปรไฟล์ รายการสินค้า และเนื้อหาของคุณสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อให้แน่ใจว่ามีการมองเห็นและการมีส่วนร่วมสูงสุด
ตัวอย่าง: สินค้าที่ดึงดูดสายตาอาจทำได้ดีบน Instagram และ Pinterest ในขณะที่สินค้าที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายมืออาชีพอาจเหมาะกับ LinkedIn มากกว่า
3. การสร้างเนื้อหาและการเล่าเรื่อง
สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องซึ่งโดนใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ ใช้การเล่าเรื่องเพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าในระดับอารมณ์และแสดงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
ตัวอย่าง: บริษัทท่องเที่ยวสามารถสร้างวิดีโอที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งแสดงประสบการณ์ที่นำเสนอในจุดหมายปลายทางต่างๆ ผู้ใช้ต้องการจินตนาการว่าตัวเองกำลังเพลิดเพลินกับจุดหมายปลายทางและรู้สึกได้รับแรงบันดาลใจในการจองทริป
4. การตลาดอินฟลูเอนเซอร์
ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้องเพื่อโปรโมทสินค้าของคุณและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ เลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่สอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์และมีความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้ติดตามของพวกเขา
ตัวอย่าง: แบรนด์แฟชั่นยั่งยืนสามารถร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการบริโภคอย่างมีจริยธรรม
5. การมีส่วนร่วมของลูกค้าและการสร้างชุมชน
มีส่วนร่วมกับลูกค้าของคุณบนโซเชียลมีเดียโดยการตอบกลับความคิดเห็น ตอบคำถาม และแก้ไขข้อกังวล สร้างชุมชนที่แข็งแกร่งรอบแบรนด์ของคุณโดยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และกระตุ้นเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น
ตัวอย่าง: แบรนด์เครื่องสำอางสามารถจัดเซสชันถาม & ตอบกับช่างแต่งหน้าบน Instagram Live เพื่อให้คำแนะนำและตอบคำถามของลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
6. การวิเคราะห์ข้อมูลและการเพิ่มประสิทธิภาพ
ติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPIs) เช่น ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ อัตราการแปลง และการมีส่วนร่วมของลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุว่าสิ่งใดได้ผลและสิ่งใดไม่ได้ผล และปรับกลยุทธ์ของคุณตามนั้น
ตัวอย่าง: หากแคมเปญโซเชียลมีเดียหนึ่งๆ ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ ให้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การกำหนดเป้าหมาย ข้อความ หรือการดำเนินการเชิงสร้างสรรค์ แก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญตามนั้น
7. การปรับให้เข้ากับท้องถิ่นและความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม
ปรับกลยุทธ์ Social commerce ของคุณให้เข้ากับบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและความชอบเฉพาะของแต่ละตลาดเป้าหมาย แปลเนื้อหาของคุณเป็นภาษาท้องถิ่น ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม และคำนึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น
ตัวอย่าง: บริษัทที่เปิดตัวแคมเปญ Social commerce ในอินเดียควรตระหนักถึงความสำคัญของเทศกาลและวันหยุด และปรับโปรโมชั่นให้เหมาะสม พิจารณาถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมของสี สัญลักษณ์ และรูปภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ขุ่นเคืองหรือการตีความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
8. ข้อควรพิจารณาในการชำระเงินและการจัดส่ง
นำเสนอทางเลือกการชำระเงินที่หลากหลายซึ่งเป็นที่นิยมในแต่ละตลาดเป้าหมาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการจัดส่งและการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของคุณมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ และให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าจัดส่งและเวลาจัดส่ง
ตัวอย่าง: ในบางประเทศ การชำระเงินผ่านมือถือเป็นที่นิยมมากกว่าการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เสนอเกตเวย์การชำระเงินผ่านมือถือหลายแห่งเพื่อตอบสนองความชอบในท้องถิ่น
9. การบริการลูกค้าและการสนับสนุน
ให้บริการลูกค้าและการสนับสนุนที่เป็นเลิศผ่านโซเชียลมีเดีย ตอบกลับข้อสงสัยทันที แก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ของคุณ
ตัวอย่าง: ลูกค้าที่มีปัญหากับคำสั่งซื้อควรสามารถติดต่อบริษัทผ่านโซเชียลมีเดียและได้รับการตอบกลับที่รวดเร็วและเป็นประโยชน์
อนาคตของ Social Commerce
Social commerce คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในปีต่อ ๆ ไป โดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการผนวกรวมโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มสำคัญบางประการที่กำหนดอนาคตของ Social commerce ได้แก่:
- Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR): เทคโนโลยี AR และ VR จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งทางสังคมโดยให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าเสมือนจริงหรือจินตนาการว่าสินค้าจะดูเป็นอย่างไรในบ้านของพวกเขา
- Artificial Intelligence (AI): แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI และอัลกอริทึมการปรับแต่งส่วนบุคคลจะให้บริการลูกค้าและคำแนะนำสินค้าที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Live Streaming Commerce: Live streaming commerce จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่โต้ตอบและน่าสนใจมากขึ้น
- Social Commerce บนแพลตฟอร์มเกิดใหม่: แพลตฟอร์มและช่องทางโซเชียลมีเดียใหม่ๆ จะเกิดขึ้น ซึ่งสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าและขับเคลื่อนยอดขาย
- Headless Commerce: สถาปัตยกรรม Headless Commerce ที่แยกเลเยอร์การนำเสนอส่วนหน้าออกจากฟังก์ชันการทำงานอีคอมเมิร์ซส่วนหลัง จะช่วยให้ธุรกิจสามารถมอบประสบการณ์ Social Commerce ที่ราบรื่นในหลายจุดสัมผัส
ความท้าทายของ Social Commerce
ในขณะที่ Social commerce นำเสนอโอกาสที่สำคัญ ธุรกิจก็ต้องตระหนักถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นด้วย ความท้าทายเหล่านี้อาจรวมถึง:
- การสร้างความไว้วางใจ: การสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดียอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ใหม่หรือไม่เป็นที่รู้จัก
- การจัดการความคาดหวังของลูกค้า: การตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าสำหรับคุณภาพสินค้า เวลาจัดส่ง และการบริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ
- การจัดการการคืนสินค้าและการคืนเงิน: การพัฒนากระบวนการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการการคืนสินค้าและการคืนเงินเป็นสิ่งจำเป็น
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบ: ธุรกิจ Social commerce ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและมาตรฐานการโฆษณา
- การวัด ROI: การวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของแคมเปญ Social commerce อย่างแม่นยำอาจเป็นเรื่องยาก
สรุป
Social commerce นำเสนอวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ขับเคลื่อนยอดขาย และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระดับโลก ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ Social commerce ที่ครอบคลุม ทำความเข้าใจความแตกต่างเล็กน้อยของแต่ละแพลตฟอร์มและตลาด และก้าวล้ำนำหน้าแนวโน้มล่าสุด ธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ Social commerce และบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน
การยอมรับ Social commerce ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในภูมิทัศน์ดิจิทัลในปัจจุบัน ความสามารถในการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้บริโภค นำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล และปรับปรุงกระบวนการซื้อ ทำให้ Social commerce เป็นผู้เปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจทุกขนาด ในขณะที่โลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น การใช้กลยุทธ์ Social commerce จึงเป็นสิ่งสำคัญในการขยายการเข้าถึงและบรรลุความสำเร็จระดับโลก